ภารกิจพิเศษ
สรุปเนื้อหาวรรณกรรมพื้นบ้าน
1. ที่มาของหนังสือ
วรรณกรรมเรื่องท้าวก่ำกาดำ เป็นวรรณกรรมนิทานอีสานเรื่องหนึ่ง ซึ่งไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ประพันธ์และประพันธ์เมื่อไหร่เหมือนกับวรรณกรรมอีสานหลายๆ เรื่อง แล้วมีการคัดลอกสืบต่อกันมาต้นฉบับเป็นหนังสือใบลาน จารเป็นตัวไทยน้อย ผู้ที่นำมาปริวรรตถอดเป็นภาษาไทยกลางโดยอาจารย์ปรีชา พิณทอง ซึ่งได้รวบรวมหนังสือเรื่องท้าวก่ำกาดำจากวัดต่าง ๆ มาเทียบเคียงดูหลายฉบับ เห็นว่าฉบับใดเก่าแก่กว่าได้เลือกเอาฉบับนั้นมาชำระ ซึ่งท่านได้กล่าวไว้ว่ายังไม่สามารถที่จะชำระให้เป็นฉบับสมบูรณ์ได้และได้นำหนังสือใบลานเรื่องท้าวก่ำกาดำมาชำระ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2527
ผู้เรียบเรียง : เตซวโรภิกขุ (อินตา กวีวงค์) อ.กวีวงค์
ปีที่แต่ง : 22 กันยายน 2522
ปีที่พิมพ์ : 2544
จัดพิมพ์และจำหน่ายที่ : บริษัทขอนแก่น คลังนานาธรรม 61/6-8 ด้านข้างโรงเรียนกัลยาณวัตร ถนนกลางเมือง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น 40000 Tel 043-221591, 043-221346 แฟ๊กซ์ 043-223482 www.klangnanatham.com / email : klangnanatham@gmail.com
วรรณกรรมเรื่องท้าวก่ำกาดำ เป็นวรรณกรรมนิทานอีสานเรื่องหนึ่ง ซึ่งไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ประพันธ์และประพันธ์เมื่อไหร่เหมือนกับวรรณกรรมอีสานหลายๆ เรื่อง แล้วมีการคัดลอกสืบต่อกันมาต้นฉบับเป็นหนังสือใบลาน จารเป็นตัวไทยน้อย ผู้ที่นำมาปริวรรตถอดเป็นภาษาไทยกลางโดยอาจารย์ปรีชา พิณทอง ซึ่งได้รวบรวมหนังสือเรื่องท้าวก่ำกาดำจากวัดต่าง ๆ มาเทียบเคียงดูหลายฉบับ เห็นว่าฉบับใดเก่าแก่กว่าได้เลือกเอาฉบับนั้นมาชำระ ซึ่งท่านได้กล่าวไว้ว่ายังไม่สามารถที่จะชำระให้เป็นฉบับสมบูรณ์ได้และได้นำหนังสือใบลานเรื่องท้าวก่ำกาดำมาชำระ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2527
ผู้เรียบเรียง : เตซวโรภิกขุ (อินตา กวีวงค์) อ.กวีวงค์
ปีที่แต่ง : 22 กันยายน 2522
ปีที่พิมพ์ : 2544
จัดพิมพ์และจำหน่ายที่ : บริษัทขอนแก่น คลังนานาธรรม 61/6-8 ด้านข้างโรงเรียนกัลยาณวัตร ถนนกลางเมือง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น 40000 Tel 043-221591, 043-221346 แฟ๊กซ์ 043-223482 www.klangnanatham.com / email : klangnanatham@gmail.com
2. เนื้อเรื่อง
2.1 เรื่องย่อ
กล่าวถึงสามีภรรยาคู่หนึ่งอยู่ด้วยกันมาเป็นเวลานานถึง 7 ปี ไม่มีบุตร ทั้งสองจึงอธิษฐานขอบุตรจากพระอินทร์ โดยทำพิธีกรรมบูชาและอธิษฐานขอบุตรจากพระอินทร์ พระอินทร์จึงประทานลูกให้เป็นชาย ก่อนท้องแม่ฝันว่าลูกแก้วสีดำตกเข้าปาก ลูกแก้วลอยหนีไปส่งแสงสว่างไปทั่ว เมื่อตั้งท้องเกิดลูกเป็นชายตัวดำเหมือนกา ทารกน้อยสร้างความอับอายให้แก่นางมาก นางพยายามจะกำจัดทารกให้พ้นทาง แต่สามีได้คัดค้านเอาไว้ นางทนเลี้ยงดูมาจนเด็กน้อยอายุได้ 3 ขวบ ลูกก็ยังไม่ยอมพูดด้วย นางจึงโกรธ และอ้างคำทำนายของหมอดูประจำหมู่บ้าน นางจึงได้นำลูกน้อยไปลอยแพ แพได้นำทารกน้อยลอยไป 7 วัน 7 คืน และไปตกอยู่กลางหาดทราย เป็นเวลาหลายเดือน พระอินทร์เล็งเห็นว่าลำบากเลยให้กาดำมาช่วยเหลือและตั้งชื่อให้ว่าก่ำกาดำ (หมายถึงชายผู้มีผิวพรรณดำมีอีกาสีดำเป็นผู้เลี้ยง) พาไปไว้เมืองเบ็งจาล ก่ำกาดำได้ไปอาศัยอยู่บริเวณสวนของธิดาเจ้าเมือง และเก็บผลกินเป็นอาหาร จนวันหนึ่งยายเฝ้าสวนมาพบเข้าจึงดักบ่วงไว้ ก่ำกาดำแสร้งทำเป็นติดบ่วงยายจึงนำก่ำกาดำไปเลี้ยงไว้
เมื่อก่ำกาดำได้อาศัยอยู่กับยายจำสวน ยายไม่ยอมให้ก่ำกาดำออกไปไหน โดยให้เหตุผลว่า ถ้าคนมาพบเข้าเขาจะหาว่าเป็นกาลีบ้านกาลีเมือง ท้าวก่ำกาดำมีความสามารถพิเศษในการร้อยดอกไม้และเป่าแคน จึงได้ร้อยดอกไม้เป็นรูปชายหนุ่มเชยชมหญิงสาวฝากยายจำสวนเข้าไปให้นางลุนธิดาคนสุดท้องของเจ้าเมือง นางลุนพอใจมากแม้ก่ำกาดำจะแสดงความสามารถให้ยายประจักษ์แล้ว แต่ยายก็ไม่ยอมให้ก่ำกาดำได้พบปะผู้คนโดยเฉพาะเวลากลางวัน เพราะเกรงคนตกใจกลัวเมื่อเห็นก่ำกาดำ ก่ำกาดำจึงได้แต่หลบๆซ่อนๆ นางลุนก็อยากเห็นตัวคนร้อยมาลัย วันหนึ่งกินรีทำอุบายให้ยายพานางมาชมสวน เมื่อได้พบนาง ก็หลงรัก ก่ำกาดำมีความสามารถในการเป่าแคนได้ไพเราะ จึงเป่าแคนให้ผู้คนฟัง เสียงเล่าลือว่ากินรีเป่าแคนได้ไพเราะไปทั่วเมือง
วันหนึ่งก่ำกาดำได้ถอดรูปกลายเป็นคนร่างงามสง่าไปหานางลุน นางลุนพอใจและรักก่ำกาดำมาก บอกนางว่ามาจากเมืองอินทปัฐ และได้นางเป็นเมีย เจ้าเมืองฝันว่าช้างมาไล่คน กินอ้อยกล้วยของเมือง จึงให้หมอมาทาย กาดำได้เฝ้ากษัตริย์ เพราะชื่อเสียงว่าเป่าแคนเพราะ กลางคืนก่ำกาดำไปหานางและได้ขอแหวนและผ้าสไบมาไว้เป็นที่ระลึก กลับมาบ้านให้ยายไปขอให้ เจ้าเมืองเรียกสินสอดเงินแสนชั่ง ทองแสนชั่ง ช้างพันตัว มีคนขับขี่พร้อม คนใช้พันคน สะพานเงิน สะพานทอง จากบ้านยายไปหาพระราชวัง พระอินทร์พระยานาคมาช่วยทำสะพาน หาสินสอดในที่สุดก่ำกาดำกับนางลุนก็ได้แต่งงานกัน
2.1 เรื่องย่อ
กล่าวถึงสามีภรรยาคู่หนึ่งอยู่ด้วยกันมาเป็นเวลานานถึง 7 ปี ไม่มีบุตร ทั้งสองจึงอธิษฐานขอบุตรจากพระอินทร์ โดยทำพิธีกรรมบูชาและอธิษฐานขอบุตรจากพระอินทร์ พระอินทร์จึงประทานลูกให้เป็นชาย ก่อนท้องแม่ฝันว่าลูกแก้วสีดำตกเข้าปาก ลูกแก้วลอยหนีไปส่งแสงสว่างไปทั่ว เมื่อตั้งท้องเกิดลูกเป็นชายตัวดำเหมือนกา ทารกน้อยสร้างความอับอายให้แก่นางมาก นางพยายามจะกำจัดทารกให้พ้นทาง แต่สามีได้คัดค้านเอาไว้ นางทนเลี้ยงดูมาจนเด็กน้อยอายุได้ 3 ขวบ ลูกก็ยังไม่ยอมพูดด้วย นางจึงโกรธ และอ้างคำทำนายของหมอดูประจำหมู่บ้าน นางจึงได้นำลูกน้อยไปลอยแพ แพได้นำทารกน้อยลอยไป 7 วัน 7 คืน และไปตกอยู่กลางหาดทราย เป็นเวลาหลายเดือน พระอินทร์เล็งเห็นว่าลำบากเลยให้กาดำมาช่วยเหลือและตั้งชื่อให้ว่าก่ำกาดำ (หมายถึงชายผู้มีผิวพรรณดำมีอีกาสีดำเป็นผู้เลี้ยง) พาไปไว้เมืองเบ็งจาล ก่ำกาดำได้ไปอาศัยอยู่บริเวณสวนของธิดาเจ้าเมือง และเก็บผลกินเป็นอาหาร จนวันหนึ่งยายเฝ้าสวนมาพบเข้าจึงดักบ่วงไว้ ก่ำกาดำแสร้งทำเป็นติดบ่วงยายจึงนำก่ำกาดำไปเลี้ยงไว้
เมื่อก่ำกาดำได้อาศัยอยู่กับยายจำสวน ยายไม่ยอมให้ก่ำกาดำออกไปไหน โดยให้เหตุผลว่า ถ้าคนมาพบเข้าเขาจะหาว่าเป็นกาลีบ้านกาลีเมือง ท้าวก่ำกาดำมีความสามารถพิเศษในการร้อยดอกไม้และเป่าแคน จึงได้ร้อยดอกไม้เป็นรูปชายหนุ่มเชยชมหญิงสาวฝากยายจำสวนเข้าไปให้นางลุนธิดาคนสุดท้องของเจ้าเมือง นางลุนพอใจมากแม้ก่ำกาดำจะแสดงความสามารถให้ยายประจักษ์แล้ว แต่ยายก็ไม่ยอมให้ก่ำกาดำได้พบปะผู้คนโดยเฉพาะเวลากลางวัน เพราะเกรงคนตกใจกลัวเมื่อเห็นก่ำกาดำ ก่ำกาดำจึงได้แต่หลบๆซ่อนๆ นางลุนก็อยากเห็นตัวคนร้อยมาลัย วันหนึ่งกินรีทำอุบายให้ยายพานางมาชมสวน เมื่อได้พบนาง ก็หลงรัก ก่ำกาดำมีความสามารถในการเป่าแคนได้ไพเราะ จึงเป่าแคนให้ผู้คนฟัง เสียงเล่าลือว่ากินรีเป่าแคนได้ไพเราะไปทั่วเมือง
วันหนึ่งก่ำกาดำได้ถอดรูปกลายเป็นคนร่างงามสง่าไปหานางลุน นางลุนพอใจและรักก่ำกาดำมาก บอกนางว่ามาจากเมืองอินทปัฐ และได้นางเป็นเมีย เจ้าเมืองฝันว่าช้างมาไล่คน กินอ้อยกล้วยของเมือง จึงให้หมอมาทาย กาดำได้เฝ้ากษัตริย์ เพราะชื่อเสียงว่าเป่าแคนเพราะ กลางคืนก่ำกาดำไปหานางและได้ขอแหวนและผ้าสไบมาไว้เป็นที่ระลึก กลับมาบ้านให้ยายไปขอให้ เจ้าเมืองเรียกสินสอดเงินแสนชั่ง ทองแสนชั่ง ช้างพันตัว มีคนขับขี่พร้อม คนใช้พันคน สะพานเงิน สะพานทอง จากบ้านยายไปหาพระราชวัง พระอินทร์พระยานาคมาช่วยทำสะพาน หาสินสอดในที่สุดก่ำกาดำกับนางลุนก็ได้แต่งงานกัน
2.2 วิเคราะห์ชื่อเรื่อง
ในการตั้งชื่อวรรณกรรมเรื่อง "ท้าวก่ำกาดำ" นั้นผู้แต่งได้ตั้งมาจากชื่อของตัวละครเอกของเรื่อง คือ ก่ำกาดำ ซึ่งคำว่า ก่ำ ในภาษาอีสานนั้นหมายถึง คนที่มีผิวพรรณที่ดำมาแต่กำเนิด ส่วน กาดำ นั้นมาจากเหตุการณ์ในเรื่อง ตอนที่ตัวละครเอกนั่นคือ “ก่ำ” อายุได้ 3 ขวบ ได้ถูกพ่อและแม่นำไปลอยแพร เพราะเชื่อว่าเป็นกาลีบ้านกาลีเมือง พระอินทร์จึงได้ให้กาดำมาช่วยเหลือ จึงเรียกรวมกันว่า "ก่ำกาดำ" (ชายผู้มีผิวพรรณดำมีอีกาสีดำเป็นผู้เลี้ยง)
ในการตั้งชื่อวรรณกรรมเรื่อง "ท้าวก่ำกาดำ" นั้นผู้แต่งได้ตั้งมาจากชื่อของตัวละครเอกของเรื่อง คือ ก่ำกาดำ ซึ่งคำว่า ก่ำ ในภาษาอีสานนั้นหมายถึง คนที่มีผิวพรรณที่ดำมาแต่กำเนิด ส่วน กาดำ นั้นมาจากเหตุการณ์ในเรื่อง ตอนที่ตัวละครเอกนั่นคือ “ก่ำ” อายุได้ 3 ขวบ ได้ถูกพ่อและแม่นำไปลอยแพร เพราะเชื่อว่าเป็นกาลีบ้านกาลีเมือง พระอินทร์จึงได้ให้กาดำมาช่วยเหลือ จึงเรียกรวมกันว่า "ก่ำกาดำ" (ชายผู้มีผิวพรรณดำมีอีกาสีดำเป็นผู้เลี้ยง)
2.3 แก่นเรื่อง
ท้าวก่ำกาดำ มีแก่นเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตสอดแทรกคติธรรมเกี่ยวกับ บาป บุญ คุณ โทษ นั่นคือ "การทำดีได้ดีทาชั่วได้ชั่ว และคนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้"
ท้าวก่ำกาดำ มีแก่นเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตสอดแทรกคติธรรมเกี่ยวกับ บาป บุญ คุณ โทษ นั่นคือ "การทำดีได้ดีทาชั่วได้ชั่ว และคนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้"
2.4 โครงเรื่อง
การเปิดเรื่อง
- เป็นการเล่าถึงสามีภรรยาคู่หนึ่งที่อยู่ด้วยกันมา ๗ ปี แต่ก็ไม่มีบุตรเลยได้ขอบุตรจากพระ
อินทร์
- การเกิดของตัวละครเอกนั่นคือ ก่ำกาดำ ที่มีความอัปลักษณ์คือตัวดำมาแต่กำเนิด
การเปิดเรื่อง
- เป็นการเล่าถึงสามีภรรยาคู่หนึ่งที่อยู่ด้วยกันมา ๗ ปี แต่ก็ไม่มีบุตรเลยได้ขอบุตรจากพระ
อินทร์
- การเกิดของตัวละครเอกนั่นคือ ก่ำกาดำ ที่มีความอัปลักษณ์คือตัวดำมาแต่กำเนิด
การดำเนินเรื่อง
- พ่อและแม่เชื่อว่าก่ำกาดำเป็นกาลีบ้านกาลีเมืองจึงได้นำไปลอยแพร
- พระอินทร์ได้ให้กาดำมาช่วยเหลือไปไว้ที่สวนเมืองเป็งจาล
- ยายจาสวน ผู้ดูแลสวนมาพบ แล้วนำไปเลี้ยงดู
- ก่ำกาดำมีความสามารถร้อยมาลัยสวยงาม และเป่าแคนไพเราะ
- ก่ำกาดำได้ร้อยมาลัยถวายพระธิดา คือ นางลุน
- ทั้งสองได้พบกันจึงเกิดเป็นความรัก
- ก่ำกาดำให้ยายจาสวนไปสู่ขอ นายลุน จากเจ้าเมือง
- พ่อและแม่เชื่อว่าก่ำกาดำเป็นกาลีบ้านกาลีเมืองจึงได้นำไปลอยแพร
- พระอินทร์ได้ให้กาดำมาช่วยเหลือไปไว้ที่สวนเมืองเป็งจาล
- ยายจาสวน ผู้ดูแลสวนมาพบ แล้วนำไปเลี้ยงดู
- ก่ำกาดำมีความสามารถร้อยมาลัยสวยงาม และเป่าแคนไพเราะ
- ก่ำกาดำได้ร้อยมาลัยถวายพระธิดา คือ นางลุน
- ทั้งสองได้พบกันจึงเกิดเป็นความรัก
- ก่ำกาดำให้ยายจาสวนไปสู่ขอ นายลุน จากเจ้าเมือง
การจบเรื่อง
เป็นการจบเรื่องด้วยการลงเอยของตัวละครเอกทั้งสอง คือ ก่ำกาดำ และ นางลุนได้แต่งงานกัน และได้เล่าถึงความกตัญญูของก่ำกาดำคือ เมื่อแต่งงานได้เป็นเจ้าเมืองแล้วก็ไม่ลืมบุญคุณผู้ลี้ยงดูได้ให้ยายจาสวนมาอยู่ในวัง และได้ตามหาพ่อและแม่ที่แท้จริงเพื่อเลี้ยงดูและตอบแทนพระคุณ
เป็นการจบเรื่องด้วยการลงเอยของตัวละครเอกทั้งสอง คือ ก่ำกาดำ และ นางลุนได้แต่งงานกัน และได้เล่าถึงความกตัญญูของก่ำกาดำคือ เมื่อแต่งงานได้เป็นเจ้าเมืองแล้วก็ไม่ลืมบุญคุณผู้ลี้ยงดูได้ให้ยายจาสวนมาอยู่ในวัง และได้ตามหาพ่อและแม่ที่แท้จริงเพื่อเลี้ยงดูและตอบแทนพระคุณ
2.5 ตัวละคร
1. ท้าวก่ำกาดำ เป็นตัวละครเอกที่มีลักษณะอัปลักษณ์ และมีชีวิตที่น่าสงสาร แต่เป็นคนจิตใจดีชอบช่วยเหลือคน เป็นคนที่กตัญญูรู้คุณคน
2. นางลุน ตัวนางเอก ที่เป็นตัวพิสูจน์ความดีของพระเอกคือ ตัวของท้าวก่ำกาดาเอง มีจิตใจดี มีเมตตา รักสวยรักงามตามประสาผู้หญิงและองค์หญิงลูกสาวคนสุดท้อง
3. พ่อท้าวก่ำกาดำ ตัวละครอุปถัมภ์พระเอก เป็นตัวละครที่มีจิตใจดี รักลูก รักทุกคน แต่ไม่อาจช่วยเหลือได้ เพราะเห็นแก่ส่วนรวม
4. แม่ท้าวก่ำกาดา ตัวละครที่อาจนับได้ว่าเป็นตัวร้ายในเรื่อง โดยส่วนตัวแล้วนางเป็นคนที่มีจิตใจดีแต่ทนแรงกดดันและความอับอายไม่ได้จึงจาต้องร้ายโดยการหาอุบายเอาลูกตัวเองไปลอยน้าเพื่อดับความอับอาย
5. พระราชาหรือพ่อนางเอก เป็นกษัตริย์แห่งเมืองเบ็งจาลนคร เมื่อท้าวก่ำกาดำที่อัปลักษณ์และยากจนมาขอลูกสาวที่เป็นถึงพระธิดา ก็เกิดความไม่พอใจและเหมือนจะโดนลบหลู่จึงร้ายใส่
6. ย่าจาสวน ตัวละครที่เป็นผู้อุปถัมภ์ท้าวก่ำกาดาโดยแท้จริง เป็นคนที่มีจิตใจดี ไม่มองคนแต่ภายนอก มีความเมตตากรุณา
1. ท้าวก่ำกาดำ เป็นตัวละครเอกที่มีลักษณะอัปลักษณ์ และมีชีวิตที่น่าสงสาร แต่เป็นคนจิตใจดีชอบช่วยเหลือคน เป็นคนที่กตัญญูรู้คุณคน
2. นางลุน ตัวนางเอก ที่เป็นตัวพิสูจน์ความดีของพระเอกคือ ตัวของท้าวก่ำกาดาเอง มีจิตใจดี มีเมตตา รักสวยรักงามตามประสาผู้หญิงและองค์หญิงลูกสาวคนสุดท้อง
3. พ่อท้าวก่ำกาดำ ตัวละครอุปถัมภ์พระเอก เป็นตัวละครที่มีจิตใจดี รักลูก รักทุกคน แต่ไม่อาจช่วยเหลือได้ เพราะเห็นแก่ส่วนรวม
4. แม่ท้าวก่ำกาดา ตัวละครที่อาจนับได้ว่าเป็นตัวร้ายในเรื่อง โดยส่วนตัวแล้วนางเป็นคนที่มีจิตใจดีแต่ทนแรงกดดันและความอับอายไม่ได้จึงจาต้องร้ายโดยการหาอุบายเอาลูกตัวเองไปลอยน้าเพื่อดับความอับอาย
5. พระราชาหรือพ่อนางเอก เป็นกษัตริย์แห่งเมืองเบ็งจาลนคร เมื่อท้าวก่ำกาดำที่อัปลักษณ์และยากจนมาขอลูกสาวที่เป็นถึงพระธิดา ก็เกิดความไม่พอใจและเหมือนจะโดนลบหลู่จึงร้ายใส่
6. ย่าจาสวน ตัวละครที่เป็นผู้อุปถัมภ์ท้าวก่ำกาดาโดยแท้จริง เป็นคนที่มีจิตใจดี ไม่มองคนแต่ภายนอก มีความเมตตากรุณา
2.6
ภาษาที่ใช้ในการแต่ง
ภาษาที่ใช้ในการแต่งวรรณกรรมเรื่องท้าวก่ำกาดำนั้นใช้ภาษาอีสาน
ในการแต่งที่เป็นเอกลักษณ์อย่างชัดเจนตลอดทั้งเรื่อง
2.7 ฉากและสถานที่
ฉากหลัก
- ฉากที่ท้าวก่ำกาดำถูกลอยแพ ๗ วัน ๗ คืน และพระอินทร์ให้อีกาดำมาช่วยเหลือจากภัยอันตรายต่าง ๆ
- ฉากในสวนดอกไม้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วในวรรณกรรมท้าวก่ำกาดำการดำเนินเรื่องจะอยู่ที่สวนดอกไม้เป็นส่วนมากและเหตุการณ์ที่สำคัญ เช่น ก่ำกาดำได้พบนางลุนและหลงรักนางลุน
- การสร้างสะพานเงิน และสะพานทองของท้าวก่ำกาดำตั้งแต่กระท่อมของก่ำกาดำไปจนถึงพระราชวัง ที่เจ้าเมืองได้กำหนดไว้ในค่าสินสอดของนางลุน
ฉากรอง
- ฉากในหมู่บ้านที่ท้าวก่ำกาดำได้เกิดกับพ่อ แม่ชาวนาที่บ้านชาวป่าในหมู่บ้าน
- ฉากคนในหมู่บ้านรังเกลียดไม่มีใครอยากเล่นด้วยกับท้าวก่ำกาดำ
3.ความโดดเด่นของวรรณกรรม
3.1 ด้านเนื้อหา
วรรณกรรมเรื่องท้าวก่ำกาดำ เป็นวรรณกรรมที่ให้รสชาติแก่ผู้ดูผู้ฟังได้ถึงใจ ทั้งบทโกรธ บทรัก บทโศก ตลกขบขัน และแฝงข้อคิดเอาไว้มาก ตลอดจนสะท้อนให้เห็นถึงวิถีการดำรงชีวิตของมีเค้าโครงเรื่องเป็นคติสอนใจ
3.2 ด้านตัวละคร
ในวรรณกรรมเรื่องท้าวก่ำกาดำนั้น ตัวละครเอกจะเป็นผู้ดำเนินเรื่องทั้งหมดและมีจุดเด่นคือรูปลักษณ์ภายนอกของตัวละครเอกนั่นคือมีสีผิวที่ดำเหมือนอีกา และมีจุดเด่นคือตัวละครเอกในเรื่องนี้มีความสามารถในการร้อยพวงมาลัยและการเป่าแคนได้ไพเราะ ซึ่งปกติแล้วตัวละครชายในวรรณกรรมเรื่องอื่น ๆ จะต้องเก่งในการสู้รบ ทำศึกสงครามซึ่งทำให้เห็นความแตกต่างละความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นว่าทำไมตัวละครเอกในเรื่องนี้ทั้งที่เป็นชายแต่กลับเก่งในการร้อยพวงมาลัยได้สวยงาม
ฉากหลัก
- ฉากที่ท้าวก่ำกาดำถูกลอยแพ ๗ วัน ๗ คืน และพระอินทร์ให้อีกาดำมาช่วยเหลือจากภัยอันตรายต่าง ๆ
- ฉากในสวนดอกไม้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วในวรรณกรรมท้าวก่ำกาดำการดำเนินเรื่องจะอยู่ที่สวนดอกไม้เป็นส่วนมากและเหตุการณ์ที่สำคัญ เช่น ก่ำกาดำได้พบนางลุนและหลงรักนางลุน
- การสร้างสะพานเงิน และสะพานทองของท้าวก่ำกาดำตั้งแต่กระท่อมของก่ำกาดำไปจนถึงพระราชวัง ที่เจ้าเมืองได้กำหนดไว้ในค่าสินสอดของนางลุน
ฉากรอง
- ฉากในหมู่บ้านที่ท้าวก่ำกาดำได้เกิดกับพ่อ แม่ชาวนาที่บ้านชาวป่าในหมู่บ้าน
- ฉากคนในหมู่บ้านรังเกลียดไม่มีใครอยากเล่นด้วยกับท้าวก่ำกาดำ
3.ความโดดเด่นของวรรณกรรม
3.1 ด้านเนื้อหา
วรรณกรรมเรื่องท้าวก่ำกาดำ เป็นวรรณกรรมที่ให้รสชาติแก่ผู้ดูผู้ฟังได้ถึงใจ ทั้งบทโกรธ บทรัก บทโศก ตลกขบขัน และแฝงข้อคิดเอาไว้มาก ตลอดจนสะท้อนให้เห็นถึงวิถีการดำรงชีวิตของมีเค้าโครงเรื่องเป็นคติสอนใจ
3.2 ด้านตัวละคร
ในวรรณกรรมเรื่องท้าวก่ำกาดำนั้น ตัวละครเอกจะเป็นผู้ดำเนินเรื่องทั้งหมดและมีจุดเด่นคือรูปลักษณ์ภายนอกของตัวละครเอกนั่นคือมีสีผิวที่ดำเหมือนอีกา และมีจุดเด่นคือตัวละครเอกในเรื่องนี้มีความสามารถในการร้อยพวงมาลัยและการเป่าแคนได้ไพเราะ ซึ่งปกติแล้วตัวละครชายในวรรณกรรมเรื่องอื่น ๆ จะต้องเก่งในการสู้รบ ทำศึกสงครามซึ่งทำให้เห็นความแตกต่างละความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นว่าทำไมตัวละครเอกในเรื่องนี้ทั้งที่เป็นชายแต่กลับเก่งในการร้อยพวงมาลัยได้สวยงาม
3.3 ภาษาที่ใช้ในการแต่ง
ภาษาที่ใช้ในการแต่งวรรณกรรมเรื่องท้าวก่ำกาดำนั้นใช้ภาษาอีสานในการแต่งที่เป็นเอกลักษณ์อย่างชัดเจนตลอดทั้งเรื่อง
นั่นคือการใช้พรรณนาโวหารให้ผู้อ่านเกิดภาพและจินตนาการตามได้อย่างน่าสนใจ
โดยเฉพาะการบรรยายถึงความไพเราะในการเป่าแคนของท้าวก่ำกาดำ ดังบทประพันธ์ต่อไปนี้
ท้าวก็เป่า จ้อย จ้อย อ้อยอิ่ง กินนรี บุญมี เลยเป่าแถลง ดังก้อง เสียงแคนดังม่วนแม่ง พอล่มหลูด ตายไปนั้น ท้าวก็เป่า จ้อย จ้อย คือเสียงเสพ เมืองสวรรค์ ปรากฏดัง ม่วนก้อง ในเมือง อ้อยอิ่น เป็นที่ใจ ม่วนดิ้น ดอมท้าว เป่าแคน สาว ฮามน้อย วางหลามาเบิ่ง เขาก็ปบ ฝั่งฟ้าว ตีนต้อง ถืกตอ บางผ่อง ป๋าหลาไว้ วางไป ทั้งแล่นก็มี บางผ่อง เสื้อผ้าหลุด ออกซ้ำ เลยเต้นแล่นไปก็มี ฝูงคนเฒ่า เหงานอน หายส่วง สาวแม่ฮ่าง คะนิงโอ้ อ่าวผัว ฝูงพ่อฮ่าง คิดฮ่ำ คะนิงเมีย เหลือทน ทุกข์อยู่ ผู้เดียว นอนแล้ง เป็นที่ อัศจรรย์แท้ เสียงแคน ท้าวก่ำ ไผได้ฟัง ม่วนแม่ง ใจสล่าง หว่างเว ฝูง (คน) กินเข่า คาคอ ค้างอยู่ ฝูง (คน) อาบน้ำป๋าผ่า แล่นมา...(นั่นละนา)
ท้าวก็เป่า จ้อย จ้อย อ้อยอิ่ง กินนรี บุญมี เลยเป่าแถลง ดังก้อง เสียงแคนดังม่วนแม่ง พอล่มหลูด ตายไปนั้น ท้าวก็เป่า จ้อย จ้อย คือเสียงเสพ เมืองสวรรค์ ปรากฏดัง ม่วนก้อง ในเมือง อ้อยอิ่น เป็นที่ใจ ม่วนดิ้น ดอมท้าว เป่าแคน สาว ฮามน้อย วางหลามาเบิ่ง เขาก็ปบ ฝั่งฟ้าว ตีนต้อง ถืกตอ บางผ่อง ป๋าหลาไว้ วางไป ทั้งแล่นก็มี บางผ่อง เสื้อผ้าหลุด ออกซ้ำ เลยเต้นแล่นไปก็มี ฝูงคนเฒ่า เหงานอน หายส่วง สาวแม่ฮ่าง คะนิงโอ้ อ่าวผัว ฝูงพ่อฮ่าง คิดฮ่ำ คะนิงเมีย เหลือทน ทุกข์อยู่ ผู้เดียว นอนแล้ง เป็นที่ อัศจรรย์แท้ เสียงแคน ท้าวก่ำ ไผได้ฟัง ม่วนแม่ง ใจสล่าง หว่างเว ฝูง (คน) กินเข่า คาคอ ค้างอยู่ ฝูง (คน) อาบน้ำป๋าผ่า แล่นมา...(นั่นละนา)
4. การประยุกต์ใช้ที่ผ่านมา
1. ลำล่องเล่า เรื่อง ชุดท้าวก่ำกาดำ ตอนที่ ๒ ลำโดย ทองแปน พันบุปผา หัสดี
1. ลำล่องเล่า เรื่อง ชุดท้าวก่ำกาดำ ตอนที่ ๒ ลำโดย ทองแปน พันบุปผา หัสดี
4. ลำเรื่องต่อกลอนท้าวก่ำกาดำ โดย ป.ฉลาดน้อย, อังคนางค์ คุณไช พร้อมชาวคณะ
https://www.youtube.com/watch?v=BA0_mBtlV_U
5. สรุปท้ายเรื่องอินโฟกราฟฟิค
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น